วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Three Legs Cooling Water

น้ำสามขา

น้ำสามขา ชื่อนี้มันแปลก และมันคือน้ำอะไร เมื่อได้ยินครั้งแรก เมื่อครั้งที่ลงไปตรัง จะได้ยินป้าพูดถึงน้ำนี้บ่อย คนที่ทำสวนยาง หรือทำงานส่วนใหญ่จะชอบดื่มน้ำนี้กัน




น้ำสามขา เป็นน้ำที่ช่วยแก้ร้อนใน รสชาติก็เหมือนน้ำธรรมดาทั่วไป แต่มีประโยชน์มากกว่่า



ด้วยความอยากรู้เลยหาข้อมูลจากเวบไซต์ ได้ความว่า

A tradtional Chinese health drink, Three Legs Cooling Water/Body Coolant is over 60-year-old brand consumed by millions of people in South East Asia.

What is Three Legs Cooling Water/Body Coolant all about ?
Three Legs Cooling Water/Body Coolant is made of purified water and Gypsum Fibrosum (Shi Gao, a Chinese natural ingredient) that is very effective in reducing body heatiness. Three Legs Cooling Water/Body Coolant is manufactured under the internationally recognised GMP (Good Manufacturing Practise) standards

What are the benefits of Three Legs Cooling Water/Body Coolant ?
Relieves heat stroke
Relieves constipation caused by body heat
Good bye to pimples and acne caused by body heat
Forget mouth ulcers caused due to body heat
No more headaches due to body heat
Relieves burning sensation caused due to body heat
Ideal for body heat caused by pungent/spicy food



What about side effects ?
While Three Legs Cooling Water/Body Coolant is very effective in reducing body heatiness, it has no side-effects. It does not contain salt, sugar, fat, preservative and chemicals. Hence, Threee Legs Cooling Water/Body Coolant is also suitable for people suffering from high blood pressure and diabetes.

ขอบคุณสำหรับน้ำสามขาที่รีวิว ที่เพื่อนเป็นธุระ ฝากเจ้านายชาวสิงคโปร์ซื้อมาฝาก

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Mulberry

น้ำมัลเบอร์รี่

ถึงจะยังไม่พร้อมที่จะมีลูก แต่คุณแม่บ้านบอกว่าน้ำมัลเบอร์รี่นี้ดีสำหรับผู้หญิงมีครรภ์ แต่เรายังไม่มี ก็เลยกินเพื่อเตรียมสภาพแวดล้อมในของร่างกายคุณแม่ให้พร้อมไว้ก่อน ขอบอกว่าของดอยคำนี้เข้มข้นมาก แถมไม่แพง

มาดูสาระสำคัญของมัลเบอร์รี่กัน

มัลเบอรี่ (Mulberry:Morus spp.) ผลไม้ที่ทรงคุณค่า แต่หารับประทานยาก เดิมเป็นผลพลอยได้จากการปลูกหม่อนพันธุ์บุรีรัมย์60 ซึ่งนอกจากให้ผลผลิตใบสำหรับเลี้ยงไหมแล้ว ยังให้ผลหม่อนสดรสชาติดีอีกด้วย ปัจจุบัน สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พบหม่อนผลสดพันธุ์เชียงใหม่ ให้ผลดก ได้ผลผลิตมากกว่า 1,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี และได้นำผลหม่อนมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ อาทิ กรดโฟลิก (Folic acid) ซึ่งพบว่า ทารกที่เกิดจากมารดาที่ขาดกรดโฟลิก มีความเสี่ยงที่จะพิการทางสมองและประสาท ไขสันหลัง นอกจากนั้นยังพบสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไชยานิน เควอซิติน ที่มีส่วนลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ตำรับยาโบราณมีการใช้ผลหม่อนต้มบริโภคทั้งเนื้อและน้ำแก้โรคไขข้ออักเสบ ท้องผูก โลหิตจาง และขับเสมหะ

ข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/seri/100049

Zinger Burger, KFC

Burger แห่งการเฉลิมฉลอง

ที่บอกว่าเป็น burger แห่งการฉลอง คือฉลองอะไรก้ได้ที่รู้สึกทำสำเร็จ มันเป็นความรู้สึกทางใจ และเป็นการให้กำลังใจตัวเอง เรื่องของเรื่องมันก็มีอยู่ว่า สมัยที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ เมื่อปี 37 ที่มหาลัยรามคำแหง สมัยที่ยังต้องให้ทางบ้านส่งเงินเพื่อเป็นค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเรียน

การจะซื้อ Burger กินซักชิ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ต้องคิดหนักหน่อย เพราะดูเหมือนจะเป็นของกินที่ฟุ้มเฟื่อย แล้วทำไมต้องเป็น Burger ล่ะ? ก็เพราะตอนที่เข้ามากรุงเทพฯใหม่ ที่พักอยู่แถวบางกะปิ และร้านฟาสต์ฟู้ดในตอนนั้นที่ยังไม่ได้เยอะเหมือนดอกเห็ดในตอนนี้ ที่ใกล้ที่สุดก็คือ KFC ที่อยู่ตรงตลาดบางกะปิ เวลาจะออกไปเรียนหรือกลับจากเรียนก็ต้องผ่าน ช่วงแรกไม่มีโอกาสจะได้กินเลย จนวันหนึ่งพี่ชายพาไปเลี้ยงที่ KFC นี้ล่ะ ดีใจสุดๆ หลังจากนั้นมาก็ไม่ค่อยได้กินอีกเลยเพราะไม่มีใครเลี้ยง จะกินก็ต่อเมื่อมีโอกาสพิเศษๆ เท่านั้น เช่นสอบเสร็จ ได้ G หรือทำโปรเจคผ่าน ถึงจะได้กิน และถ้าจะกินไก่มันก็หลายบาท งั้นก็ซื้อ Burger กลับไปกินที่ห้องดีกว่า ก็เลยกลายมาเป็นเรื่องของ Bureger แห่งการเฉลิมฉลอง กินแล้วมีความสุข กินแล้วมีกำลังใจ กินแล้วนึกถึงชีวิตช่วงนั้นๆ วันนั้นกับวันนี้ความสามารถในการซื้อ Burger ซักชิ้นอาจจะต่างกัน แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้ยังคงเดิม



การฉลองหรือให้รางวัลในความสำเร็จของเรา ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่อะไร ไม่ต้องแพงนัก มันอยู่ที่ความรู้สึกทางใจ มันเป็นคุณค่าทางใจ

แต่สมัยนี้อย่าว่าแต่ Burger ซักชิ้นเลย เป็นเจ้าของ(ร่วม)ธุรกิจพวกนี้ยังได้เลย 555+

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปลาโอ

ปลาโอ

ปลาโอ จัดเป็นปลาทูน่าสายพันธ์หนึ่ง ตัวใหญ่ เนื้อแน่น กินอะหร่อย ตอนเด็กๆ จะได้กินปลาโอบ่อยมาก แม่จะซื้อจากตลาดมานึ่ง แล้วกินกับน้ำจิ้มเต้าอิ๊ว ช่วงหลังๆ มาอยู่กรุงเทพฯ จะไม่ค่อยได้กินแล้ว เพราะหายาก แถมแพง และไม่สดด้วย ที่บอกว่าแพงเพราะที่กรุงเทพฯ ล่าสุดที่ซื้อกิโลละ 80 บาท โทรบอกแม่ แม่บอกว่าแพงจัง ที่บ้านโล 30 บาทเอง ทำไงได้ ไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล










สูตรน้ำจิ้มที่ใช้ทานประจำกับเมนู ปลาโอนึ่ง

- หอมแดงซอย
- พริกขี้หนู
- ซี่อิ๊วขาว หรือใช้แม็คกี้ก็ได้
- น้ำตาล
- มะนาว

กินตอนนึ่งเสร็จใหม่ๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว กินที 2 ตัว ซะใจไปเลย

สะตอ

สะตอ

เห็นภาพ คนทางใต้ก็รู้กันทันทีว่า มันคือสะตอ ช่วงนี้เข้าหน้าสะตอ เดินไปตลาดสดที่ไหนๆ ที่มีคนใต้ ก็จะต้องเห็นสะตอ ส่วนใหญที่เค้าเอามาทำอาหารกันจะเป็นสะตอข้าว

สะตอเอามาทำกับข้าวได้หลายอย่าง ตั้งแต่ ผัดเครื่องแกงเผ็ดสะตอกุ้ง ผัดสะตอใส่กะปิ น้ำพริกสะตอ ผัดสะตอใส่สัปปะรด ฯลฯ ไว้จะเอาภาพตอนทำเป็นอาหารแล้วมาให้ดูกันวันหลัง

Avocado

อะโวคาโด

ผลไม้ที่มีประโยชน์อยู่พอตัว แต่ราคาค่อนข้างแพง แถมผ่าออกมาทานแล้ว เก็บไว้นานก็ไม่ได้ ต้องรีบกินให้หมด นานจะซื้อมาทานซักลูก เพราะราคาตกต่อลูกประมาณ 60 กว่าบาทราคาห้าง เวลาลดราคาถึงจะได้ซื้อมาซักลูกหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะซื้อน้ำอะโวคาโดคั้นซะมากกว่า

เมนูส่วนใหญที่ทำทาน คือแซนวิชทูน่า







อะโวคาโด ( Persea americana Mill.) เป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาแถบเม็กซิโก กัวเตมาลา และหมู่เกาะเวสอินดีส

อะโวคาโดเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้ผลรับประทานกันมานานในอเมริกาและยุโรป เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ แต่ในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมบริโภคมากนักเนื่องจากประเทศไทยของเรานั้นมีผลไม้อยู่หลากหลายชนิด จึงมีทางเลือกการบริโภคผลไม้อีกมากมาย ทั้งนี้คนไทยนิยมบริโภคผลไม้ที่มีรสหวาน กลิ่นหอมนุ่มนวล ซึ่งรสชาติ และกลิ่นของอะโวคาโดไม่ได้อยู่ในความประทับใจของคนไทยเลย (เห็นด้วยเลย ทานครั้งแรก และเพรียวๆ ไม่ผสมอะไร กลืนแทบไม่ลง แต่ตอนนี้คงชินซะแล้ว) แต่เมื่อนำมาวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นพบว่า อะโวคาโดมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น จึงถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ซึ่งประกอบด้วย

1. เนื้อผลประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 4-20% แล้วแต่พันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโด ร้อยละ 70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกายและเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterol ในเลือดซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดไขมันในเส้นเลือดคนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้ และใช้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้

2. น้ำมันอะโวคาโด (Avocado oil) เป็นน้ำมันสกัดจากเนื้อของผลอะโวคาโด เป็นน้ำมันที่ดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ประกอบด้วยวิตามินอี กรดไขมัน linoleic และ oleic, phytosterol ใช้นวดศีรษะเร่งการงอกของผม น้ำมันนี้มีกลิ่นคล้ายเมล็ดถั่ว คงตัวดี น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารก็มีส่วนช่วยให้วิตามิน และสารอาหารที่ละลายในไขมันสามารถถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ สลัดผักจำพวกผักใบเขียว อย่างผักโขม เลตตูซ มะเขือเทศ และแครอท ที่ใช้น้ำมันสลัดที่ปราศจากไขมัน จะทำให้คาโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมันซึ่งอยู่ในพืชผักเหล่านี้ไม่สามารถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ ไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมคาโรทีนอยด์ที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไลโคพีนในมะเขือเทศ เบต้า-แคโรทีนในผักสีส้ม และลูทีนในผักใบเขียว

3. วิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามิน เอ(เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด เลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และอาหาร ป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ ในผู้ใหญ่ควรบริโภควิตามินอีอย่างน้อย 10 mg ต่อวัน ผู้หญิงในอเมริกาใต้และเม็กซิโกใช้ผลอะโวคาโดสดสำหรับบำรุงเส้นผมและผิวพรรณมานับพันปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้ง ให้นำอะโวคาโดมาบดผสมกับกล้วยหอมสุข และน้ำผึ้ง ในอัตรส่วน 1:1:1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก คุณก็จะมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา และยังใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางประทินผิวต่าง ๆ

4. อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะโฟเลตนั้น เป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก คนไทยสมัยก่อนใช้กล้วยเป็นอาหารเลี้ยงทารก อะโวคาโดก็เช่นกันสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงทารกได้โดยอาจใช้เนื้ออะโวคาโดสุกป้อนเด็กทารกโดยตรงหรือผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกอัตราส่วน 1:1

5. โปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่า พลังงานความร้อนต่อร่างกายสูงแต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch52/04-plant/kwanhatai/plant_00.html

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Vietnamese Coffee

เครื่องชงกาแฟแบบเวียดนาม (Vietnamese Coffee)

นานๆ ครั้งจะได้เอาตัวชงกาแฟเวียดนามออกมาใช้ซักที แต่ช่วงนี้ใช้แทบทุกวัน ตั้งแต่ Moka Pot ใช้งานกับเตาไฟฟ้าที่ซื้อมาไม่ได้ ตัวชงกาแฟเวียดนาม ได้จากเพื่อนที่ถูกส่งไปทำงานที่เวียดนาม เวลากลับมาเมืองไทยก็เลยฝากเค้าซื้อมา ชุดหนึ่งไม่ถึง 100 บาท



เตรียมอุปกรณ์การดื่มกาแฟ


ทั้งเซตของตัวชงกาแฟ


มาเริ่มต้นกันเลย


เติมกาแฟประมาณ 2 กรัม หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ






รินน้ำร้อนลงไปนิดหน่อย เพื่อให้กาแฟของเราได้รับความชื้นเท่าๆ กัน และขั้นตอนนี้จะมีผงกาแฟไหลออกมาพอสมควร เมื่อนำไปชงจริงๆ จะมีผงกาแฟออกมาเล็กหน้อยเท่านั้น





นำตัวกรอกวางทับลงไปบนกาแฟที่เราทำให้ชื้นแล้ว




ประกอบเข้าเป็นชุดเดียวกัน


นำไปวางบนภาชนะที่เราจะใช้ดื่ม จากนั้นรินน้ำจนถึงยอดของตัวกรอก




ปิดฝา รอจนกว่าน้ำจะหมด






ทานคู่กับ French Toast

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หมี่ผัดซีอิ๊ว

หมี่ผัดซีอิ๊ว (หมี่ผัดต่าวอิ๊ว/หมี่ผัดถ่าวอิ๊ว)

วันนี้แม่บ้านอยากกินหมี่ผัดซีอิ๊ว ที่บ้านเรียกว่า หมี่ผัดต่าวอิ๊วหรือถ่าวอิ๊ว (ไม่แน่ใจ เพราะออกเสียง ตัว ต. มาตั้งแต่เด็ก) จะออกเสียงภาษาถิ่นไงก็แล้วแต่ แต่วันนี้อิ่มแน่ หร่อยด้วย








กินกับข้าวเปล่า

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Spaghetti

สปาเก๊ตตี้

อาหารบ่ายวันเสาร์ บ่ายๆ วันหยุดแบบนี้มาทำสปาเก็ตตี้กินกันดีกว่า กุ้งก็มี ไส้กรอกก็มี งั้นทำ Spaghetti Napoleon ถึงจะไม่เหมือนซักทีเดียว แต่ก็ใกล้เคียง





ใช้เส้นสปาเก็ตตี้เบอร์ 2



วันนี้ขี้เกียจทำซอสเอง เพราะวัตถุดิบไม่พร้อม แต่เรามี Pasta Sauce สำเร็จรูปที่ซื้อมาเก็บไว้


.

เริ่มต้นด้วยการต้มน้ำให้เดือด พร้อมใส่เกลือให้น้ำมีความเค็มเล็กน้อย








ลวกให้เส้นออกมาเป็น Al Dente ซึ่งใช้เวลาประมาณ 9 นาที โดยหมั่นชิมว่า ถ้าเป็นไตนิดๆ ก็เอาขึ้นจากน้ำร้อนได้เลย ปกติมีเตาทำ 2 เตา อันหนึ่งลวกเส้น อีกอันทำซอส เมื่อลวกเส้นได้ที่ก็เอาลงกะทะซอสเลย แต่ตอนนี้มีแค่เตาเดียว ก็เลยต้องพักเส้นไว้ก่อน

มาทำซอสกัน ผัดกระเทียม พริกกับน้ำมัน























อิ่มอร่อย สบายท้อง บ่ายๆ วันเสาร์ครับ :)